"สแตนชาร์ดฯ"หั่นจีดีพีไทยติดลบ 8% จับตารัฐออกมาตรการฟื้น ศก.รับท่องเที่ยวยังฟุบยาว


20 / 10 / 2020

นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย)เปิดเผยว่า สแตนดาร์ดฯมีการปรับประมาณการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจเป็นติดลบ 8% จากประมาณการเดิมที่ให้ไว้ติดลบ 5% เนื่องจากความไม่แน่นอนมีมากขึ้น ขณะที่ปีหน้าคาดเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวกลับมาเติบโตที่ 2% โดยเศรษฐกิจปัจจุบันได้ผ่านจุดต่ำสุด เมื่อไตรมาส 2 ปี 2563 ไปแล้ว ขณะที่ตัวเลขการส่งออกของประเทศไทยและประเทศเกิดใหม่ ในภูมิภาคเอเชียเริ่มมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น แต่กลไกขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยคือ การท่องเที่ยวยังไม่ฟื้น ดังนั้นถึงแม้ว่าการส่งออกจะดีขึ้น แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมจะยังไม่มั่นคง ถ้าการท่องเที่ยวยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้

สำหรับภาคการท่องเที่ยว ประเมินว่ากว่าที่จะเห็นนักท่องเที่ยวกลับมาสู่ระดับ 40 ล้านคนเหมือนในอดีต อาจต้องใช้เวลา 3-5 ปีถึงจะเห็นระดับนักท่องเที่ยวใกล้กับก่อนโควิด-19 โดยสิ่งที่ต้องจับตาคือ ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งว่าจะสามารถสร้างความมั่นใจให้กับตลาดการเงินได้มากน้อยเพียงใด หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งใช้เวลากว่าสามเดือนกว่าจะได้ทีมใหม่ รวมถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองยังไม่มีความชัดเจนว่าจะดำเนินต่อไปอย่างไรบนพื้นฐานว่าเศรษฐกิจไทยยังติดลบอยู่ ซึ่งหากยื้ดเยื้อหรือรุนแรงอาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยได้ ดังนั้นภายใต้สถานการณ์ที่ยังไม่แน่นอน รวมถึงการติดตามการเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจและรอนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจจากทีมใหม่ ประเมินว่าค่าเงินบาทน่าจะอยู่ในทิศทางแข็งค่าต่อในสิ้นปีนี้ที่ 31.00บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

โดยภาพรวมที่ยังอยู่ในลักษณะติดตามสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการคลัง การเบิกจ่าย สถานการณ์การเมือง การเริ่มเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว การคิดค้นวัคซีนต้านโควิด เพราะฉะนั้น ยังอาจไม่มีปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดความมั่นใจได้อย่างมีนัยสำคัญ

ส่วนการดำเนินนโยบายการเงินเชื่อว่า ธปท.อยู่ระหว่างการติดตามสถานการณ์เช่นเดียวกัน ถ้าสถานการณ์ยังทรงตัวและเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น ธปท.น่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% แต่ถ้าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นหรือแย่ลงในช่วงในไตรมาสนี้ โอกาสที่ ธปท.จะลดดอกเบี้ยไปที่ 0.25% ก่อนสิ้นปีได้

ทั้งนี้ปัจจัยที่นักลงทุนจับตาเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินของ ธปท.ระยะถัดไปคือ มีโอกาสหรือไม่ที่จะเห็น ธปท.ปรับลดดอกเบี้ย รวมถึงการเลือกดำเนินนโยบายการเงินเหมือนต่างประเทศหรือไม่ เช่นการนำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ QE รวมถึงการออกมาตรการ yield curve control และนโยบายช่วยเหลือเอสเอ็มอีเพิ่ม ซึ่งเป็นปัจจัยที่นักลงทุนอยากเห็นความชัดเจนและสนใจ

เว็บไซต์อ้างอิง : siamrath

ไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหว ติดตาม Tooktee (ทุกที่) ผ่านโซเชียลมีเดีย

บทความที่เกี่ยวข้อง
รายการ