ลดค่าทางด่วน 5-10 บาทยาก! BEM ชี้ขยายสัมปทาน ปชช.ไม่เสียประโยชน์


20 / 09 / 2019

นายพงษ์สฤษดิ์ ตันติสุวณิชย์กุล กรรมการบริหาร บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีข้อพิพาททางด่วนกับทางการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ว่ากรณีข้อพิพาทค่าชดเชยทางด่วนมูลค่า 100,000 ล้านบาทดังกล่าวเกิดกรณี กทพ. ไม่ปรับค่าผ่านทางให้ตามสัญญา และไม่มีการเยียวยากรณีสร้างทางแข่งขันดอนเมืองโทลล์เวย์ จึงเกิดข้อพิพาทตั้งแต่ชั้นอนุญาโตตุลาการไปจนถึงศาลปกครองสูงสุด ที่ขณะนี้การเจรจาคืบหน้าไปมากแล้ว และได้ข้อสรุปครบแล้วเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ซึ่งทางออกที่มีขณะนี้เชื่อว่าดีที่สุดสำหรับฝ่ายรัฐบาล ประชาชนไม่เสียประโยชน์ แม้ฝ่ายเอกชนจะเสียประโยชน์ไปบ้าง แต่ถือว่าทำเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน

ทั้งนี้ ค่อนข้างมั่นใจว่ารัฐบาลใหม่จะไม่เปลี่ยนเงื่อนไขการเจรจา เนื่องจากหากจะต่อสู้คดีต่อไปนั้น กทพ.อาจต้องชดเชยค่าเสียหายมากถึง 326,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกรณีข้อพิพาทการแข่งขัน 210,000 ล้านบาท และข้อพิพาทเรื่องปรับค่าผ่านทาง 116,000 ล้านบาท ส่วนข้อสรุปที่ตกลงกันได้นั้นคิดเป็นมูลหนี้เพียง 58,873 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับมูลหนี้ที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นในอนาคต

ส่วนเงื่อนไขการเจรจาเพื่อจบข้อพิพาททั้งหมดแลกกับการต่อขยายสัมปทานทางด่วน 3 เส้นทางไปอีก 30 ปี และเอกชนลงทุนก่อสร้างทางด่วนขั้นที่ 2 (Double Deck) และทางหลีก Bypass วงเงินลงทุนรวม 32,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัญญาที่ 1 การยกเลิกข้อพิพาททั้งหมดพร้อมต่อขยายสัมปทาน 15 ปี โดยหมดอายุสัมปทานทุกเส้นทางพร้อมกันที่ 31 ต.ค. 2578 และต้องแบ่งรายได้ให้ กทพ.ไม่น้อยกว่าเดิมคือ 60% ของรายได้ทั้งหมดพร้อมกับเงื่อนไขปรับค่าผ่านทางได้ทุก 10 ปี

ในส่วนของสัญญาที่ 2 คือต่อขยายสัมปทานเพิ่มอีก 15 ปีพร้อมลงทุนก่อสร้าง Double Deck ก่อสร้าง ByPass ก่อสร้างจุดขึ้น-ลงที่สถานีกลางบางซื่อ และก่อสร้างด่านเก็บเงินเพิ่มอีก 2 จุดที่ด่านอโศกและด่านประชาชื่น โดยจะลงนามสัญญาที่ 2 ได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุมติรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ภายใน 2 ปีหรือมากกว่านั้น ซึ่งหากยังไม่สามารถเสนอรายงาน EIA ให้ผ่านเพื่อก่อสร้างโครงการได้ก็จะถือให้ยึดการต่อสัมปทานในสัญญาที่ 1 เป็นหลักหรือเท่ากับว่าข้อพิพาททั้งหมดจบลงแล้วและเมื่อลงนามสัญญาที่ 1 ทางเอกชนก็ยินดี

อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าทาง กทพ.จะสามารถผลักดันเรื่อง EIA ให้ผ่านได้ สำหรับปัจจุบัน BEM มีรายได้จากการเก็บค่าทางด่วนปีละ 7,000-8,000 ล้านบาทด้วยอัตราการเติบโตรายได้เฉลี่ย 1-3% ต่อปี ส่วนของนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่ต้องการให้ลดค่าทางด่วน 5-10 บาทนั้น มองว่าเป็นเรื่องยากเพราะเป็นคนละเรื่องกับข้อพิพาทต้องมาเจรจากันอีก และที่ผ่านมาได้ช่วยรัฐบาลเยอะแล้วในเรื่องของข้อพิพาททางด่วนนี้ เพราะหากยึดตามมูลหนี้จริงรัฐบาลอาจเสียค่าชดเชยมากกว่า 300,000 ล้านบาท

เว็บไซต์อ้างอิง : https://www.naewna.com/business/433317

#ลดค่าทางด่วน #BEM #กทพ.

ไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหว ติดตาม Tooktee (ทุกที่) ผ่านโซเชียลมีเดีย

บทความที่เกี่ยวข้อง
รายการ