หลังจาก “สิงห์เอสเตท”
ของตระกูลภิรมย์ภักดี และ“ทีซีซี แลนด์” ของเจ้าสัวเจริญ
สิริวัฒนภักดี ประกาศนำบริษัทที่กุมบังเหียนด้านนี้
เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก
(IPO) ภายในปีนี้ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจ
โฟกัสการบริหารงานแบบมืออาชีพ รวมถึงการสร้างรายได้แบบต่อเนื่องหรือที่เรียกว่า recurring
income ให้แก่ธุรกิจ
เพราะขณะนี้ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติใกล้จะทะลุ 40
ล้านคนต่อปีแล้ว และการท่องเที่ยวของโลกก็มีแนวโน้มเติบโต 6-7%
ต่อปี
การก้าวเข้าสู่ธุรกิจโรงแรมของ “สิงห์เอสเตท”
เพิ่งเริ่มมาได้เพียง 5 ปี นับจากปี 2557 ที่เข้าไปซื้อและบริหาร
2 โรงแรมในสมุย คือ สันติบุรี สมุย และพีพี
ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท จากนั้นก็ได้ขยายการลงทุนมาก มาย
โดยโฟกัสไปที่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการไปร่วมลงทุนกับบริษัทฟิโก้ คอร์ปอเรชั่นฯ
ในสัดส่วน 50 :50 ภายใต้บริษัท เอฟเอส เจวี โค จำกัด
ซื้อโรงแรมในสหราชอาณาจักรรวม 29 แห่งช่วงปี 2558-2559
“ทีซีซี แลนด์” ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งส์ในการลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของทีซีซี
กรุ๊ป เฉพาะธุรกิจด้านโรงแรม คนไทยรู้จักมายาวนาน กับโรงแรมของเสี่ยเจริญ
ที่เริ่มต้นด้วยแบรนด์โรงแรมในเครืออิมพีเรียล
จากนั้นก็จัดตั้งบริษัททีซีซีโฮเทลส์ กรุ๊ปฯ (ชื่อเดิม : ทีซีซี แลนด์ แอสเสท
เวิรด์) เพื่อพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ
ทำให้ปัจจุบันมีโรงแรมและรีสอร์ตภายใต้การบริหารกว่า 51 แห่งใน
11 ประเทศรวมจำนวนห้องพักกว่า 1 หมื่นห้อง
โดยใช้หลากหลายแบรนด์บริหารโรงแรมจากต่างประเทศเข้าบริหาร
ดังนั้นเมื่อรวมจำนวนโรงแรมของทั้ง 2 บิ๊กธุรกิจนี้ รวมกันแล้วมีกว่า 90
แห่งทั่วโลก รวมห้องพักกว่า 1.49 หมื่นห้อง ทั้ง
2 บิ๊กธุรกิจ ยังคงเดินหน้าปักหมุดขยายพอร์ตโรงแรมอย่างต่อเนื่อง
โดยมีการปรับโครงสร้างใหม่ และจ่อขายหุ้น IPO ภายในปีนี้
ไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหว ติดตาม Tooktee (ทุกที่) ผ่านโซเชียลมีเดีย